logo

เฮา

เฮาบ่ฮัก ไผจะมาฮัก เฮาบ่เฮียน ไผจะมาเฮียน เฮาบ่สืบ ไผจะมาสืบ  

"ขอพวกเราจงเสพกวี เพื่อจรรโลงโลกนี้ให้งดงาม"


"ขอพวกเราจงเสพกวี เพื่อจรรโลงโลกนี้ให้งดงาม"

กวี...คือลมหายใจของจิตวิญญาณ
ตัวอักษรนับแสนนับล้านคำ ร้อยเรียงกลั่นกรองผ่านหัวใจ
กลายเป็นสิ่งที่กระทบใจ…กลายเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงใจคนได้

แต่ความรุ่งเรืองของกวีย่อมไม่อาจเกิดขึ้นได้ในสุญญากาศ
ฐานของกวีต้องอาศัยความปลอดภัย ความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สิน
สภาพแวดล้อมที่สงบสุข และสังคมที่เกื้อหนุนให้ใจคนสามารถหยุดฟัง
หยุดคิด และหยุดซึมซับสิ่งงามจากถ้อยคำ

เฉกเช่นยุคชุนชิวของจีน
หรือยุคราชวงศ์ถังที่สงบร่มเย็นจนบังเกิดกวีอันเลื่องชื่อ
หรือดังล้านนาในยุคของพระเจ้าติโลกราช
ที่ปกครองบ้านเมืองให้มั่นคงเป็นสุข จนวรรณศิลป์เฟื่องฟู
ผู้คนพร้อมจะรับฟังกวี พร้อมจะฟังเสียงหัวใจของกันและกัน

หากสังคมเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ความสับสน
ผู้คนไม่แน่ใจในชีวิต ไม่รู้จะเลี้ยงปากท้องอย่างไรในวันพรุ่งนี้
หัวใจจะไหวสะเทือนกับบทกวีได้อย่างไร?
ใครจะมีอารมณ์นั่งอ่าน หรือกลั่นออกมาเป็นถ้อยคำ?

เพราะฉะนั้น กวีจึงไม่ใช่เพียงศิลป์แห่งถ้อยคำ
แต่คือยอดปลายของพีระมิดแห่งสังคม
ฐานของพีระมิดต้องมั่นคงด้วยศาสตร์ทั้งปวง—
กฎหมาย วิศวกรรม การแพทย์ การปกครอง การเยียวยา
เพื่อให้ผู้คนดำรงอยู่ได้อย่างสงบและมั่นคง
แล้วกวีจะบังเกิด แล้วความงามจะผลิบาน

สิ่งที่เป็นอมตะหาใช่เพียงร่างคน
แต่คือถ้อยคำที่ถูกจารึกไว้
เสียงของกวีจะอยู่ยืนยง…ในวันที่ผู้คนลาจากโลกนี้ไปแล้ว

หนทางของกวีอาจยังอีกยาวไกล
แต่เราจะไม่หยุดเดิน
เพราะเรารู้ว่า ถ้าโลกนี้จะงดงามขึ้นสักนิดหนึ่ง
กวี...คือสิ่งจำเป็น

ขอพวกเราจงเสพกวี เพื่อจะลงโลกนี้ให้งดงาม
ด้วยรักและศรัทธา
ผู้อำนวยการหอศิลปะมรดกกวีล้านนา